ครีมกันแดด หรือ Sunscreen เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับผิวหนัง เพื่อปกป้องผิวหนังจากรังสี UV (Ultraviolet) ที่มาจากแสงแดดโดยเฉพาะแสงแดดในช่วงฤดูร้อน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งผิว และยังทำให้เกิดการสร้างเม็ดสีใต้ผิวหนังทำให้สีผิวคล้ำได้ ดังนั้นเราจึงควรทาครีมกันแดดกันทุกวัน ก่อนที่เป็นจะไปดูครีมกันแดดแนะนำ เราไปรู้ประวัติครีมกันแดดกันก่อนเลย
ประวัติของครีมกันแดด
ครีมกันแดดเริ่มมีการพัฒนาขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ.1928 โดยใช้สาร benzyl salicylate และ benzyl cinnamate เตรียมอยู่ในรูปอิมัลชัน (emulsion) ในช่วงปี ค.ศ. 1930 ในประเทศออสเตรเลียได้มีการวางจำหน่ายครีมกันแดดที่ผสม 10% Salol (phenyl salicylate) ต่อมาในปี ค.ศ. 1943 ในสหรัฐอเมริกาได้มีการใช้สารกลุ่ม p-Aminobenzoic acid (PABA) โดยได้ผสมอนุพันธ์ของ PABA ในผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด ในยุคแรก ๆ นั้นให้ความสำคัญเฉพาะกับการป้องกันรังสี UVB ที่เป็นการปกป้องไม่ให้ผิวไหม้เพียงเท่านั้น ต่อมาจึงได้เพิ่มความสนใจต่อ UVA เข้าไป โดย UVA สามารถทะลุผ่านผิวหนังได้ในระดับความลึก 1 มิลลิเมตร และไปกระตุ้นให้เกิด singlet oxygen และ hydroxyl free radical ซึ่งสามารถไปทำให้เกิด lipid peroxidation ได้มากกว่า UVB ถึง 10 เท่า
ประเภทของครีมกันแดด
ครีมกันแดดประเภท Chemical Sunscreen
Chemical Sunscreen เป็นครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสารเคมี ทำหน้าที่ปกป้องแสงแดด โดยการดูดซับรังสีเข้าไว้ในผิว ซึ่งหลังจากโดนแดดสักพัก สารเคมีเหล่านี้ก็เสื่อมสภาพ นั่นคือสาเหตุที่เราจึงต้องทาครีมกันแดดทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง การเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง ๆ ซึ่งมีส่วนผสมของสารเคมีปริมาณมาก อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังโดยเฉพาะคนที่มีผิวแพ้ง่าย
ครีมกันแดดประเภท Physical Sunscreen
Physical Sunscreen เป็นครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสาร ที่สามารถสะท้อนรังสี UVA และ UVB ออกไปจากผิวหนัง ซึ่งสารในกลุ่มนี้จะมีผลระคายเคืองต่อผิวหนัง น้อยกว่าสารในกลุ่มแรก แต่มีข้อด้อยคือ ครีมกันแดดประเภทนี้เมื่อทาบนผิวหนังแล้วจะให้สีที่มีความขาวมาก เนื่องจากสารจะเคลือบบนผิวหนังชั้นบน เพื่อรอแสงกระทบ จึงมีการดูดซึมสู่ผิวน้อย
ครีมกันแดดประเภท Chemical-Physical Sunscreen
ครีมกันแดดประเภทนี้เป็นครีมกันแดดแบบผสม Chemical-Physical Sunscreen เป็นการเสริมข้อดี ลดข้อด้อยในแต่ละส่วนไป ซึ่งก็นั่นคือการลดการระคายเคืองต่อผิวหนังจากสารประเภทสารเคมี และลดความขาวเมื่อทาครีม และเสริมประสิทธิภาพ ในการป้องกันแสงแดดร่วมกัน
แนะนำ 3 ครีมกันแดดประสิทธิภาพเยี่ยม
Eucerin Sun Dry Touch Oil Control Face SPF50+ PA+++
ครีมกันแดด Eucerin เป็นครีมกันแดดที่หลายคนคงรู้จักและคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะเป็นแบรนด์เวชสำอางอันดับต้น ๆ ของประเทศ และเป็นครีมกันแดดที่มีความละมุนต่อผิวสูงแถมยังปลอดภัยกับผิว ซึ่งครีมกันแดด Eucerin Sun Dry Touch Oil Control Face SPF50+ PA+++ ตัวนี้ขึ้นแท่นเป็นครีมกันแดดที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะว่าเป็นครีมกันแดดอ่อนโยนต่อผิวแต่ยังปกป้องได้มากกว่า ด้วยคุณสมบัติสุดล้ำที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA/UVB แต่ยังโดดเด่นด้วยเทคโนโลยี HEVIS Light Defense ในการช่วยป้องกันผิวจากแสง HEVIS หรือแสงสีฟ้าพลังงานสูง ที่พบได้ในหลอดไฟ คอมพิวเตอร์ หรือแสงจากหน้าจอโทรศัพท์ที่เราต้องเผชิญอยู่ตลอดในชีวิตประจำวัน โดยแสง HEVIS นี้สามารถทำลายคอลลาเจนและอิลาสตินในชั้นผิวทำให้ผิวเกิดริ้วรอย ความหย่อนคล้อยพร้อมกับกระตุ้นให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำมากเหมือนกับรังสี UVA/UVB โดยมีอีกหนึ่งส่วนผสมสำคัญอย่าง Licochalcone A เป็นสาร Anti-oxidant ที่ผ่านการทดสอบแล้วว่าสามารถเข้าทำลายอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นจาก HEVIS ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำงานร่วมกับคาร์นีทีนในการช่วยลดและป้องกันการเกิดสิว พร้อมควบคุมความมันบนใบหน้าได้ยาวนานถึง 8 ชั่วโมง นอกจากนี้ครีมกันแดด Eucerin รุ่นนี้ยังมีเนื้อครีมแบบดรายทัชที่ให้สัมผัสที่บางเบา ซึมไวและเกลี่ยได้ง่าย ไม่ทิ้งความมันตกค้างที่ผิว ทั้งยังผ่านการทดสอบแล้วว่าไม่อุดตัน (Non-Acnegenic) และปราศจากน้ำหอม สี พาราเบน ไม่มีส่วนผสมของซิลิโคน หากใครที่หาครีมกันแดดใช้แต่ยังไม่รู้ว่าจะใช้อันไหนดี Eucerin นั้นเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีมาก
ANESSA Perfect Facial UV Sunscreen SPF50+ PA++++
ครีมกันแดด ANESSA Perfect Facial UV Sunscreen SPF50+ PA++++ นั้นจะใช้เทคโนโลยี ‘Aqua Booster Technology’ เป็นของ ANESSA ซึ่งความพิเศษคือยิ่งมีผิวมันที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อหรือโดนน้ำ จะยิ่งทำให้ครีมกันแดด ANESSA นั้นเพิ่มประสิทธิภาพการปกป้องแดดได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นครีมกันแดด ANESSA ยังเรียกได้ว่าติดทนเป็นอย่างมาก เพราะว่ากันน้ำกันเหงื่อยาวนานตลอดวัน ทำให้เป็นครีมกันแดดคุมมันที่เหมาะกับสาว ๆ ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายกลางแจ้งมาก เพราะนอกจากตัวครีมกันแดดจะติดทน ไม่หลุดไหลไปกับเหงื่อของเราแล้ว จะยิ่งปกป้องแสงแดดได้มากขึ้นอีกเมื่อสัมผัสกับเหงื่อด้วย ด้วยเหตุนี้ ANESSA จึงเป็นอีกแบรนด์หนึ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก
Biore UV Aqua Rich Watery Essence SPF50+ PA++++
ครีมกันแดด Biore UV Aqua Rich Watery Essence SPF50+ PA++++ ถือว่าเป็นกันแดดคุมมันที่โด่งดังเรื่องความบางเบา เพราะครีมกันแดด Biore ตัวนี้จะมีเนื้อสัมผัสที่มีความเป็นน้ำจากเนื้อเอสเซ้นส์ ทำให้รู้สึกเบาสบายผิว และไม่เหนียวเหนอะหนะ แถมยังให้ความชุ่มชื้นเพราะมีส่วนผสมของสารสกัดที่ช่วยบำรุงผิวด้วย ทำให้เราไม่ต้องกังวลว่าผิวของเราจะโดนแดดทำร้ายและดึงความชุ่มชื้นของผิวไป ซึ่งเป็นสาเหตุของผิวแห้งหยาบกร้าน เพราะเจ้าตัวนี้สามารถเติมความชุ่มชื้นให้ผิวเราด้วย ที่พิเศษมากกว่านั้นคือเราสามารถใช้ทาทับเมคอัพระหว่างวันได้โดยที่เครื่องสำอางค์ได้อีกด้วย ทั้งนี้ ราคาของครีมกันแดด Biore ตัวนี้ยังสามารถแตะต้องได้อีกด้วย หากคุณผู้ชายที่หาครีมกันแดดใช้ และไม่ชอบความเหนอะหนะ ครีมกันแดด Biore ตัวนี้ถือว่าตอบโจทย์ได้ดีเลยทีเดียว
ครีมกันแดดนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก เพราะอย่างเรารู้กันดีนั้นว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ร้อนตลอดทั้งปี และจะร้อนเพิ่มขึ้นไปอีกในฤดูร้อน ซึ่งการออกไปข้างในฤดูร้อนการทาครีมกันแดดถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องทำจริง ๆ เพราะว่าแสงแดดนั้นสามารถสาเหตุของการเกิดมะเร็งผิวหนังได้ โดยเฉพาะแสงแดดในฤดูร้อนของประเทศไทย ดังนั้น “อย่าลืมทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านกันนะทุกคน”