มะเขือเทศ ผลไม้ที่ใครหลาย ๆ คนอาจจะคิดว่ามันเกิดขึ้นมาเพียงแค่ทำให้อาหารดูน่ารับประทานขึ้น บางคนอาจจะคิดว่ามะเขือเทศไม่ควรจะเกิดขึ้นมาด้วย แต่ที่จริงแล้วนั้น มะเขือเทศมีประโยชน์มากกว่าที่คิด ไม่ว่าจะเป็นการบริโภคโดยตรง หรือว่าจะใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของมะเขือเทศ ก็มีส่วนที่จะได้ประโยชน์จากมะเขือเทศทั้งนั้น ที่จริงแล้วมะเขือเทศเป็นผลไม้ที่มีมานาน เราไปดูประวัติของมะเขือไปเลยดีกว่า
จุดกำเนิดของมะเขือเทศ
มะเขือเทศเป็นผลไม้ที่มีมาตั้งสมัยยุคก่อนประวัติศาสตร์แล้ว ในตอนนั้นมะเขือเทศเป็นเพียงวัชพืชที่ขึ้นท่ามกลางไร่ถั่วและมันสำปะหลัง อยู่แถบเทือกเขาแอนดีสในอเมริกากลาง ต่อมาได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ตามธรรมชาติและโดยฝีมือมนุษย์ จึงมีการเพาะปลูกเพื่อกินเป็นอาหารกันจนมะเขือเทศนั้นแพร่หลายทั่วไป
ในปีค.ศ. 1519 กองทัพสเปนนำโดย เฮาร์นาน คอร์เตส์ (Hernan Cortes) ได้บุกยึดอาณาจักรเม็กซิโกของชาวพื้นเมืองเอซเท็ค (Aztecs) เป็นอาณานิคมของตน และประกาศเป็นประเทศสเปนใหม่ (New Spain) ขึ้น ทหารสเปนผู้รุกรานก็ได้พบชาวเอซเท็คปลูกมะเขือเทศพันธุ์ต่าง ๆ เพื่อไว้กินกันแพร่หลายอยู่แล้ว ซึ่งมะเขือเทศเขียวนำมาเป็นผักปรุงกินกับอาหาร ส่วนผลมะเขือเทศสุกก็รู้จักนำมาผสมกับพริกทำซอสเพื่อไว้กินกับถั่ว จากนั้นมะเขือเทศจึงถูกนำข้ามน้ำข้ามทะเลสู่ยุโรปในสมัยต้นศตวรรษที่ 16 การแพร่ของมะเขือเทศนั้นเริ่มจากที่สเปนก่อนแล้วจึงขยายไปประเทศอื่น
เดิมชาวเอซเท็คเรียกมะเขือเทศว่า tomat คนสเปนเรียกตามภาษาพื้นเมืองว่า tomate แต่ในสมัยแรก ๆ ที่รู้จักมะเขือเทศ ซึ่งชาวยุโรปส่วนอื่น ๆ กลับเรียกมะเขือเทศกันว่า “แอปเปิลแห่งความรัก” (love apple) หรือ “แอปเปิลทอง” (gold apple) ส่วนชื่อภาษาอังกฤษ tomato ซึ่งมีรากมาจากภาษาสเปนและภาษา เอซเท็คมาก่อนนั้น แล้วจึงเรียกเพี้ยนต่าง ๆ กันไป tomata เพี้ยนเป็น tomatum จึงกลายป็น tomato ซึ่งหลังปี ค.ศ.1900 tomato จึงกลายเป็นมาตรฐาน
ในยุโรปสมัยต้นศตวรรษที่16 การนำมะเขือเทศมาปลูกนั้นเป็นที่สนใจเฉพาะในทางพฤกษศาสตร์ และสรรพคุณทางยาเพียงเท่านั้น เพราะชาวยุโรปตอนนั้น นอกจากไม่นิยมกินมะเขือเทศแล้ว ยังแถมรังเกียจรสชาติของมะเขือเทศอีกด้วย แต่ในแง่ของด้านยานั้น กล่าวกันว่ามะเขือเทศนั้นมีสรรคุณเป็นยาเย็น ช่วยบรรเทาอาการปวดข้อ ในตอนนั้นแพทย์ชาวเยอรมันกล่าวว่ามะเขือเทศนั้นสามารถช่วยป้องกันโรคหิดได้
ถึงแม้นักพฤกษศาสตร์จะสนใจมะเขือเทศในฐานะเป็นยา แต่ในศตวรรษที่ 17 ชาวยุโรปทั่วไปกลับเชื่อว่ามะเขือเทศเป็นต้นไม้ที่มีพิษ เพราะมะเขือเทศนั้นเป็นต้นไม้ที่อยู่ในตระกูลพันธุ์ไม้ที่มีพิษ (nightshade หรือ Solanaceae family ซึ่งต้นไม้หลายพันธุ์ในตระกูลนี้มีพิษ แต่หลายพันธุ์ก็กินได้ เช่น มันเทศ หรือมะเขือ เป็นต้น) ทั้งนี้โดยสังเกตจากลักษณะใบ ดอก และผล เป็นสำคัญ กล่าวกันว่าถึงแม้ผลมะเขือเทศจะกินได้ แต่ส่วนอื่น ๆ ของต้นอาจมีสารอัลคาลอยด์ (alkaloids) ที่เป็นพิษได้ ในตอนนั้นเชื่อกันว่าหากใครกินมะเขือเทศเข้าไปจะทำให้เป็นโรคเกาต์ นอกจากนี้ยังจะทำให้เจ็บป่วยเป็นโรคอีกด้วย ทั้งนี้ยังเชื่อกันว่ามะเขือเทศในตอนนั้นไม่มีคุณค่าโภชนาการใด ๆ ทั้งสิ้น อคติที่มีต่อมะเขือเทศน้นมีเรื่อยมาในยุโรป จนระบาดเข้าไปในสหรัฐอเมริกาดินแดนแห่งคาสิโนด้วย ปี ค.ศ.1820 ทำให้ชาวอเมริกาในตอนนั้นก็ไม่กล้ากินมะเขือเทศเพราะกลัวเป็นพิษ
ชาวยุโรปรังเกียจรสชาติไม่กินมะเขือเทศอยู่นานเกือบ 300 ปี เพราะว่ามะเขือเทศนั้นมีรสเปรี้ยวน่าเกลียด แม้ในภายหลังความเชื่อเกี่ยวกับมะเขือเทศมีพิษจะหมดไป แต่ข้อรังเกียจเกี่ยวกับรสชาติก็ยังค้างคาในความรู้สึกต่อไป ปีค.ศ.1861 ตำราอาหารเล่มหนึ่งในอเมริกาเขียนว่า มะเขือเทศเป็นผักที่อร่อยและมีประโยชน์ แต่ควรต้มนานไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นซุปจะยังคงมีรสเปรี้ยวน่าเกลียด ซึ่งเห็นได้ว่าเรื่องรสปากเป็นการเรียนรู้ เป็นเรื่องวัฒนธรรมโดยแท้ ใครบ้างจะนึกว่าหลังจากรังเกียจรสชาติมะเขือเทศมากว่า 300 ปี ครัวฝรั่งจะรักใคร่นิยมมะเขือเทศชนิดขาดไม่ได้เช่นปัจจุบัน
มะเขือเทศแต่ละชนิด
มะเขือเทศเชอร์รี่ (Cherry Tomato)
มะเขือเทศเชอร์รี่ หรือในอีกชื่อหนึ่งว่า Baby Tomato และมะเขือเทศราชินี เป็นมะเขือเทศที่มีขนาดเล็กที่สุด สาเหตุที่เรียกว่ามะเขือเทศเชอร์รี่เนื่องด้วยขนาดผลที่เล็ก และมีสีแดงจัดเหมือนผลเชอร์รี่ แต่แท้จริงมะเขือเทศราชินีมีผลสีเหลืองด้วยเช่นกัน รสชาติและกลิ่นเข้มข้นกว่ามะเขือเทศชนิดอื่น ๆ แต่เนื้อน้อย รสชาติเปรี้ยวอมหวาน เมื่อสุกจัดจะนิ่มและหวานมากกว่าเปรี้ยว นิยมรับประทานแบบสด ด้วยขนาดพอดีคำ และรสชาติที่เข้มข้นในตัวเอง นอกจากนั้นยังนิยมนำไปประดับจานอาหารให้ดูสวยงามมากขึ้น
มะเขือเทศสีดา (Srida Pink Egg Tomato)
มะเขือเทศสีดา เป็นมะเขือเทศที่พบเห็นได้ง่ายในประเทศ เป็นพันธุ์ที่นิยมปลูกและนิยมรับประทาน โดยลักษณะของมะเขือเทศสีดาจะมีแดงอมชมพู รสชาติมีความจืดและเปรี้ยวเป็นหลัก กลิ่นมะเขือเทศจะไม่แรงนัก มีเนื้อสัมผัสค่อนข้างแข็งจึงไม่เหมาะกับอาหารที่ต้องการกลิ่นและรสชาติของมะเขือเทศมาก ๆ
มะเขือเทศเนื้อสีแดง (Red Tomato)
มะเขือเทศพันธุ์เนื้อสีแดงเป็นมะเขือเทศขนาดกลางค่อนไปทางใหญ่ เป็นมะเขือเทศที่หาซื้อได้ง่าย และพบเห็นบ่อยตามร้านค้าทั่วไป ผลสุกมีสีแดงเข้ม มีเนื้อและน้ำมาก กลิ่นมะเขือเทศค่อนข้างแรง เป็นที่นิยมในหลายพื้นที่ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ และเป็นพันธุ์ที่นิยมนำไปแปรรูปในอุตสาหกรรมอาหารด้วย
มะเขือเทศอิตาลี (Italian Tree Tomato)
มะเขือเทศอิตาลี เป็นมะเขือเทศที่มีลำต้นสูงใหญ่ มีพันธุ์ย่อยหลากหลายสายพันธุ์ ออกผลดก ผลสีแดงสดและมีขนาดใหญ่ มีรอยหยักเล็กน้อย เนื้อของมะเขือเทศนั้นมีความแน่น ไม่นิ่มเละหรือยุ่ย รสชาติมีเอกลักษณ์เฉพาะ เพราะปลูกในพื้นที่ภูเขาไฟ ซึ่งถือว่าเป็นดินที่มีคุณภาพดี ประกอบกับอุณหภูมิที่เหมาะสม ทำให้มะเขือเทศอิตาลีมีรสชาติหวานอร่อย
มะเขือเทศเครือส้ม (Wild Tomato)
มะเขือเทศเครือส้ม หรือมะเขือเทศเครือ มะเขือปู่ มะเขือส้ม เป็นมะเขือเทศพันธุ์ท้องถิ่น พบมากในแถบภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย เป็นมะเขือเทศที่ต้นเป็นไม้เลื้อย ออกผลเป็นเครือ ลูกมีทั้งสีเขียว สีแดง และสีเหลือง ผลสุกมีเนื้อนิ่ม เนื้อน้อย เมล็ดเยอะ รสชาติจืดอมเปรี้ยว
มะเขือเทศมีประโยชน์อย่างไร
มะเขือเทศนั้นมีประโยชน์มากมาย เพราะลูกมะเขือเทศนั้นเต็มไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น วิตามินซี วิตามิเอ วิตามินเค วิตามินพี วิตามินบี1 วิตามินบี2 ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส และธาตุเหล็ก โดยมะเขือเทศขนาดปานกลางนั้นจะมีปริมาณของวิตามินซีครึ่งหนึ่งของส้มโอทั้งลูก ทั้งนี้มะเขือเทศหนึ่งผลมีปริมาณวิตามินเอที่ร่างกายต้องการจำนวน 1 ใน 3 ของวิตามินเอที่ร่างกายต้องการต่อวันอีกด้วย และยังมีสารจำพวกไลโคปีน (Lycopene) แคโรทีนอยด์ เบตาแคโรทีน และกรดอะมิโน เป็นต้น มากไปกว่านั้นมะเขือเทศยังจัดว่าเป็นผลไม้ที่มีสรรพคุณเป็นยารักษาโรคได้อีกด้วย เช่น ช่วยป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด ขับปัสสาวะ รักษาความดัน เป็นต้น ทั้งนี้หากใครชอบดื่มน้ำมะเขือเทศนั้นควรจะดื่มแบบคั้นสดมากกว่า เพราะจะได้คุณประโยชน์ที่มากกว่า และไม่ควรรับประทานมะเขือเทศดิบ เพราะอาจจะเป็นผลเสียต่อร่างกายมากกว่าจะได้รับประโยชน์ ทั้งนี้การกินมะเขือเทศในปริมาณมากก็ไม่มีผลข้างเคียงแต่อย่างใด มีงานวิจัยมะเขือเทศออกมาว่าการรับประทานมะเขือเทศให้ได้ 10 ครั้งต่อสัปดาห์ถือว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมากเพราะจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้อย่างมาก และดีต่อสุขภาพผิวอย่างเห็นได้ชัดเจน
ผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศ
Skinfood Premium Tomato Whitening Toner
โทนเนอร์มะเขือเทศจาก Skinfood เป็นผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศที่เป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีการรีวิวจากการใช้จริงว่าทำให้ผิวหน้ากระจ่างใสขึ้น จึงทำให้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้เป็นที่นิยมเอามาก ๆ
Innisfree New Tomato Mask
มาส์กมะเขือเทศ อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศ ซึ่งมาส์กตัวนี้ก็ได้รีวิวกันอย่างมากมายว่าได้ผลลัพท์ที่ดี และจึงเกิดการรีวิวต่อกันไปเรื่อย ๆ จึงทำให้มาส์กตัวนี้เป็นที่นิยมเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
Smooto tomato serum
ผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศตัวสุดท้ายนั่นก็คือเซรั่มมะเขือเทศนั่นเอง ซึ่งเซรั่มตัวนี้นั้นก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากผู้ใช้มากมาย มีการเขียนรีวิว หรือถ่ายวิดีโอรีวิวมากมายเกี่ยวกับผภิตภัณฑ์ตัวนี้ ทั้งนี้เซรั่มมะเขือเทศจาก Smooto ตัวนี้ยังหาซื้อได้ง่ายอีกด้วย เพราะสามารถซื้อได้ที่ 7-11 ทุกสาขาเลย แถมราคายังแตะต้องได้อีกด้วย
ประโยชน์ของมะเขือเทศนั้นมีมากมายไม่ว่าจะเป็นจากการบริโภคโดยตรง หรือใช้ผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศก็ตาม ซึ่งหากใครที่อ่านบทความนี้อาจจะทำให้เปิดใจกับมะเขือเทศมากขึ้น และนั่นก็เป็นสัญญาณที่ดี เพราะว่าจะทำให้คุณได้รับคุณประโยชน์จากมะเขือเทศนั่นเอง